หนังสือเรียน

วันสปอร์ตเดย์ของคณะนิเทศศาสตร์ ผมได้พบพี่คนหนึ่งชื่อพี่หวอ เขาอยู่คณะนิเทศ จุฬาฯ รุ่น 32 (ผมอยู่รุ่น 43)

อายุก็ต่างกันตั้งมาก ผมไม่เคยคุยกับพี่หวอมาก่อน แต่สิ่งที่ลากให้ผมไปคุยคือ พี่หวอเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนม.ต้นของผม และเคยเรียนกับแม่ผม

ผมเข้าไปถามพี่หวอว่าจำแม่ผมได้มั้ย พี่หวอใช้เวลาคิดอยู่ซักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าแม่ผมคือครูที่พี่หวอปาหนังสือเรียนใส่ และตะโกนว่า “ทำไมต้องเรียนด้วยหนังสือด้วยวะ?”

ทำไมต้องเรียนด้วยหนังสือด้วยวะ?

หนังสือเรียนและโรงเรียน เป็นจุดสตาร์ทจุดหนึ่งในยุคสมัยนี้ ถ้าอยากใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนในสมัยนี้ได้ก็ต้องเริ่มมาจากสองอย่างนี้แหละ

แต่สำหรับความคิดผม ผมเห็นด้วยกับพี่หวอที่ว่า หนังสือเรียนไม่จำเป็นต้องมาคู่กับโรงเรียนเสมอไป

เพราะโรงเรียนที่ผมเคยเรียนมา 4 ที่ ตั้งแต่อนุบาลยันจบม.ปลาย ก็ไม่เห็นจะสอนเรื่องในหนังสือเรียนซักเท่าไหร่ อัตราส่วนการสอนเรื่องที่อยู่ในและนอกหนังสือเรียนเรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่งด้วยซ้ำ

การถอดสมการ หนังสือเรียนสอนวิธีทำ แต่ไม่ได้สอนให้แก้ปัญหาโจทย์

การเล่นบาสเก็ตบอล หนังสือเรียนสอนกฎกติกา แต่ไม่สอนการฝึกฝน

การแต่งกลอน หนังสือเรียนสอนฉันทลักษณ์ แต่ไม่ได้สอนการแต่งกลอนให้เพราะ

การระบายสี หนังสือเรียนสอนลักษณะสี แต่ไม่ได้สอนว่าระบายยังไงให้สวย

การตีระนาด หนังสือเรียนสอนให้ตีตามโน้ต แต่ไม่ได้สอนให้แต่งเพลง

การท่องศัพท์อังกฤษ หนังสือเรียนมีศัพท์ให้ท่องมากมาย แต่ไม่ได้สอนให้เราไปคุยกับฝรั่ง

แต่ผมสามารถคิดโจทย์เลขบางข้อได้ เล่นบาสได้บ้าง แต่งกลอนได้โอเคอยู่ ระบายสีน้ำพอใช้ได้ แต่งเพลงไม่เป็นแต่พอฮัมโน้ตตามอารมณ์ได้ คุยกับฝรั่งก็พองูๆ ปลาๆ

ก็อย่างที่บอก หนังสือเรียนเป็นจุดสตาร์ท แต่พอเราวิ่งออกจากจุดสตาร์ทไปยังเส้นชัย จุดสตาร์ทก็ยังอยู่ที่เดิม มีแต่ร่างกายของเรา และมันสมองเท่านั้นแหละที่ไปถึงเส้นชัย

ระหว่างที่วิ่งให้ถึงเส้นชัย แค่ใช้กายกับกึ๋น ทิ้งหนังสือเรียนไว้ที่จุดสตาร์ทเบื้องหลัง

แต่ขณะที่การศึกษาไทยพยายามยัดเยียดหนังสือเรียนให้เอาไปด้วยตลอดทาง ถ้าตกก็ต้องย้อนกลับไปเก็บ มันก็เลยถึงเส้นชัยช้าอย่างนี้แหละ

สำหรับแม่ผม แม่ผมใช้วิธีการสอนด้วยหนังสือเรียนจริงๆ น่ะแหละ แต่แม่ผมไม่เคยยัดเยียดทุกวิธีลัด ไม่เฉลยก่อนที่นักเรียนจะทำเสร็จ แม่ผมใช้วิธีสอนแค่เป็นจุดสตาร์ทเท่านั้น ที่เหลือที่เป็นพวกระดับแอดวานซ์ ใครจะไปก็ปล่อยให้ไปกันเอง (ผมเคยเรียนกับแม่ผมเอง)

หรือไม่แน่ วิธีการสอนของแม่ผมอาจเปลี่ยนไปนับจากเหตุการณ์นั้น

สำหรับพี่หวอตอนนั้น ถูกแม่ผมปรับตก แม่ผมบอกว่าวันนั้นโกรธมาก แต่ที่ให้ตกไม่ใช่ถูกหักหน้า ไม่ใช่คำพูดของพี่หวอเป็นคำพูดที่ผิด แต่เพราะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาแค่นั้นเอง พี่หวอก็ยังไม่ได้ขอโทษแม่ของผมแต่ประการใด

แต่แม่ผมบอกว่าฝากคิดถึงพี่หวอด้วยนะ…


One Comment on “หนังสือเรียน”

  1. WindAboveNile พูดว่า:

    เป็นประเด็นที่เคยถามาตลอดกับตัวเองเหมือนกันว่า เรียนไปทำไม


ใส่ความเห็น